อดใจรออีกนิด... เรากำลังพัฒนา นโยบายส่วนบุคคล (ฉบับภาษาไทย) เพื่อให้คุณอ่านและเข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียดอย่างง่ายๆ
กรุณาอ่าน นโยบายส่วนบุคคล (ฉบับภาษาอังกฤษ) ตามด้านล่าง
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ในฐานะบริษัทประกันวินาศภัย ผู้ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัยอย่างโปร่งใส มีจรรยาบรรณ เคารพและพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้และเกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท ทางบริษัทได้ตระหนักถึงและให้ความสำคัญตามที่ได้รับความไว้วางใจจากท่าน ทั้งในฐานะลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทและคู่ค้ากับบริษัท ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทเข้าใจดีว่าความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ
ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่านและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินงานของบริษัทด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านได้มั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้จะ
นโยบายฉบับนี้ใช้เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” (Sensitive Data) หมายถืง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จำแนกให้เป็นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลสหภาพแรงงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในนโยบายงฉบับนี้ จะรวมเรียกข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”
บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่ได้รับโดยตรงจากการดำเนินงานของบริษัท หรือจากช่องทางการขาย/ให้บริการ/รับบริการต่างๆ ของบริษัท เมื่อสามารถกระทำได้ตามเงื่อนไข/บนฐานตามที่กฎหมายกำหนด โดยพิจารณาจากสถานะของท่านที่มีต่อบริษัท ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลตามที่ปรากฎด้านล่างนี้ ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังต่อไปนี้
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย |
ข้อมูลบุคคล |
ชื่อ นามสกุล อายุ วัน/เดือน/ปีเกิด เพศ สถานะสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวหนังสือเดินทาง อาชีพ ตำแหน่ง เลขประจำตัวใบขับขี่ สัญชาติ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขประตัวคนต่างด้าว หมายเลขใบอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว เลขที่ประจำตัวข้าราชการ/เจ้าหน้าที่รัฐ ลายมือชื่อ |
ข้อมูลช่องทางการติดต่อ |
ที่อยู่ สถานที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ID Line |
ข้อมูลทางการเงิน |
เลขบัญชีธนาคาร บัญชีเงินฝาก หมายเลขบัตรเครดิต/เดบิต รายได้ ประวัติทางการเงิน |
ข้อมูลการทำธุรกรรมประกันภัย |
ประวัติการซื้อประกันภัย ประวัติการชดเชยค่าสินไหม สินทรัพย์เอาประกันภัย ประวัติการปฏิเสธการรับประกันภัย |
ข้อมูลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ |
IP address, MAC address, Cookie ID, Serial number |
ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว |
เชื้อชาติ ศาสนา ประวัติความทุพลภาพ ประวัติสุขภาพผู้เอาประกันและ/หรือบุพการี ประวัติการรักษา ประวัติการบาดเจ็บ/อุบัติเหตุ ประวัติการใช้สารเสพย์ติด สำเนารายงานประจำวันตำรวจ ความเห็นพนักงานสอบสวน ใบรับรองแพทย์/ผลการรักษาพยาบาล ลายพิมพ์นิ้วมือ ภาพถ่ายหรือวีดิโอคลิปของการบาดเจ็บ/อุบัติเหตุ ประวัติการกระทำความผิด ความเห็นพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ บริษัทอาจต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลชีวภาพ (Biometric) เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการที่ขอสมัคร และ/หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์ Call Center หรือช่องทางอื่นใด |
ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ |
ข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ เสียง รูปนิ่ง รูปเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นๆที่เก็บรวบรวมและใช้ เพื่อการประกอบการประมวลผลสำหรับการประกันภัย ซึ่งรวมถึง การพิจารณาการรับประกัน การพิจารณาการชดใช้ค่าสินไหมและคำวินิจฉัย และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ทะเบียนรถยนต์/จักรยานยนต์ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ |
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย |
ข้อมูลบุคคล |
ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด เพศ อายุ ศาสนา เลขประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวหนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ เลขที่ใบอนุญาตนายหน้า อาชีพ ตำแหน่ง หมายเลขประตัวคนต่างด้าว หมายเลขใบอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว |
ข้อมูลช่องทางการติดต่อ |
ที่อยู่ สถานที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมลล์ ID Line |
ข้อมูลทางการเงิน |
เลขบัญชีธนาคาร ประวัติทางการเงิน |
ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ |
ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใด ที่บริษัทมีความจำเป็นต้องนำมาประมวลผล เพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับคู่ค้า หรือตัวแทน/นายหน้าของบริษัท |
ทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลจะมีแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ท่านได้ซื้อ/รับจากบริษัท หรือทำธุรธรรม นิติกรรมสัญญากับบริษัท และบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ของท่านเท่าที่จำเป็น เพื่อดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในเอกสารฉบับนี้เท่านั้น
การให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นใด อาทิ ผู้รับประโยชน์ ผู้อยู่ในอุปการะของผู้เอาประกัน พนักงาน ลูกจ้าง เป็นต้น ท่านมีหน้าที่ต้องแจ้งสิทธิตามเอกสารฉบับนี้ต่อบุคคลเหล่านั้น และ/หรือขอรับความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นด้วยตัวท่านเอง ก่อนจะมอบข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัท ทั้งนี้บริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่า หากท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทได้แจ้งไว้ได้อย่างครบถ้วน ย่อมส่งผลต่อการพิจารณาการทำนิติกรรมระหว่างบริษัทกับท่าน รวมถึงบคคลที่เกี่ยวข้อง
4.1 บริษัท มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ และ/หรือ ผู้อยู่ในอุปการะของผู้เอาประกันภัย (ถ้าจำเป็น) เพื่อประโยชน์ของท่านในการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่บริษัทหรือท่านต้องปฏิบัติตาม และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้ ดังมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
4.2 บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ คู่ค้า และ/หรือตัวแทน/นายหน้าของบริษัท เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่บริษัทและท่านเป็นคู่สัญญาต่อกัน (Contractual basis) เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) และ เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) ดังต่อไปนี้
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการให้บริการแก่ท่าน เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ เพื่อการทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ เพื่อการส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพื่อการบริหารกิจการ เพื่อการป้องกันการทุจริต เพื่อให้ผู้อื่นให้บริการสนับสนุนแก่บริษัท เพื่อการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า และเพื่อการจัดหาการรับประกันภัยต่อ เป็นต้น
โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคลลให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัทในเครือกิจการ ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทน นายหน้า ผู้รับจ้างช่วง ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทรับประกันภัยต่อ ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
บริษัทจะไม่ทำการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นใด เว้นแต่ เป็นการเปิดเผยและ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือโอนไปยังบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศ หรือโอนแก่ผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ (server) ที่อยู่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งประเทศปลายทางอาจมีหรืออาจไม่มีระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะเป็นไปด้วยความปลอดภัย และบุคคลผู้รับโอนข้อมูลนั้นมีระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมหรือกรณีอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนการดำเนินการ เว้นแต่ กรณีการเปิดเผยและ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาประกันภัย หรือ นับแต่วันที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดให้ บริษัท จัดเก็บข้อมูลไว้นานกว่าระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าว
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และบริษัทได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้นอย่างเคร่งครัด
สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
สิทธิตามกฎหมาย |
รายละเอียด |
สิทธิขอถอนความยินยอม |
หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม |
สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล |
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร |
สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล |
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค |
สิทธิขอคัดค้าน |
ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี |
สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล |
ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว |
สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล |
ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน |
สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล |
ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด |
สิทธิร้องเรียน |
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง |
การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธ คำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือ คำถาม เกี่ยวกับการเก็บ การใช้ และ/หรือการเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมไปถึงการใช้สิทธิต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
990 อับดุลราฮิมเพลซ ชั้น12, 14 ถนนพระราม4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เบอร์โทรศัพท์ 02-119-3000, Email: DPO@sompo.co.th
บริษัทจะทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนานโยบายให้สอดคล้อง เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลและการดำเนินธุรกิจของบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลง นโยบายฉบับนี้ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด โดยไม่จำต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า โดยบริษัทจะประกาศฉบับปรับปรุงล่าสุด ลงบนเว็บไซต์ https://www.sompo.co.th พร้อมระบุวันที่แก้ไข ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองเสมอ และบริษัทจะไม่ทำการแจ้งการแก้ไขดังกล่าวแก่ท่านเป็นรายบุคคล
Copyright © 2020 Sompo Insurance (Thailand) Public Company Limited. All Rights Reserved.