Sompo

Innovation for Wellbeing

Home» สาระดีๆ จากซมโปะ» บทความดีๆ จากซมโปะ» สุดล้ำ! ซมโปะ ประกันภัย ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำเทคโนโลยีประกันภัย ออกบริการสำรวจภัยด้วยโดรน ที่แรกของประเทศไทย!

สุดล้ำ! ซมโปะ ประกันภัย ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำเทคโนโลยีประกันภัย ออกบริการสำรวจภัยด้วยโดรน ที่แรกของประเทศไทย!

29 ก.ย. 2020 | อื่นๆ

thumbnail.webp

สุดล้ำ! ซมโปะ ประกันภัย ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำเทคโนโลยีประกันภัย

ออกบริการสำรวจภัยด้วยโดรน ที่แรกของประเทศไทย!

 

เทคโนโลยีโดรนกับการประกันภัยดูจะเป็นอะไรที่ไม่น่าเข้ากันได้เลย แต่ด้วยมุมมองที่กว้างไกลของ “ซมโปะ ประกันภัย” ประกันภัยชั้นนำของญี่ปุ่นเพื่อคนไทย เราได้คิดค้นบริการใหม่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำของโดรน มาผสมผสานกับความห่วงใยใส่ใจลูกค้าของเรา เกิดเป็น “บริการสำรวจภัยและเทอโมสแกนโดยใช้โดรน (Drone Inspection Service with Thermoscan)” ซึ่งเป็นบริการที่ไม่เคยมีบริษัทประกันภัยในประเทศไทยที่ไหนทำมาก่อน โดยในวันนี้เราจะมาเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของการก่อตั้งโปรเจคนี้ กับผู้จัดการแผนกบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ของ “ซมโปะ ประกันภัย”

 

Q: รบกวนแนะนำตัวกับตำแหน่งหน้าที่คร่าวๆหน่อยนะครับ

A: ผมชื่อกิจจาเป็นผู้จัดการแผนกบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ครับ

 

Q: ช่วยเล่าให้ฟังคร่าวๆ ได้ไหมครับว่าแผนกบริหารความเสี่ยง (Risk Management) มีหน้าที่อะไรบ้าง?

A: งานหลักของแผนกบริหารความเสี่ยง (Risk Management) จะสนับสนุนสองแผนก ได้แก่แผนกพิจารณาการรับประกันภัย (Underwriting) กับแผนกการตลาด (Marketing) โดยงานของเราจะออกไปพบลูกค้าบริษัทต่างๆ และทำการสำรวจภัยเพื่อประเมินว่าลูกค้าของเรามีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยอะไรบ้าง และนำข้อมูลมาให้กับทีมพิจารณาการรับประกันภัย (Underwriting) รวมทั้งประเมินความเสี่ยงภัยและให้คำแนะนำในการปรับปรุงความสี่ยงภัย เพื่อใช้ในการพิจารณาการรับประกันภัยต่อไป

โดยนอกจากการสำรวจภัยที่กล่าวมาแล้วนั้น เรายังมีบริการเสริมอื่นๆ อีกด้วย เช่น การตรวจสอบระบบไฟฟ้าด้วยกล้องเทอร์โมสแกน (Thermoscan) เพื่อดูว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าว่ามีจุดร้อนที่ผิดปกติหรือเปล่า ซึ่งจุดร้อนเหล่านี้อาจนำไปสู่การเกิดเพลิงไหม้ต่อไปได้

หน้าที่อีกอย่างนึงของเราก็คือการใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรม (Engineering) ในการแนะนำให้คำปรึกษากับลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภัยและเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้า ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับแผนกการตลาดในการนำเสนอและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับจัดทำประกันภัยกับเราได้

นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆอีก คือการจัดสัมมนาและแลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความเสี่ยงภัย ความปลอดภัย หรือระบบป้องกันอัคคีภัย ทั้งหมดนี้เป็นงานหลักที่เราบริการให้กับลูกค้าครับ

 

Q: ทราบมาว่าทางแผนกบริหารความเสี่ยง (Risk Management) มีบริการใหม่ที่เรียกว่า “บริการสำรวจภัยโดยใช้โดรน (Drone Inspection Service)” อยากทราบที่มาที่ไปของบริการนี้ ทางทีมมีไอเดียหรือแรงบันดาลใจจากไหนครับ?

A: ทางทีมได้เห็นบริการคล้ายๆแบบนี้จากบริษัทแม่ของเราเองที่ญี่ปุ่น โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยและมีความเสียหายเป็นวงกว้าง การเข้าสำรวจพื้นที่หลังเกิดความเสียหายโดยเจ้าหน้าที่ปกติจะเข้าถึงยากและใช้เวลานาน จึงมีการใช้โดรนเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมในการประเมินความเสียหายเพื่อพิจารณาสินไหมให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว พอเรารู้ว่าที่ญี่ปุ่นมีบริการนี้ เราก็มาคิดว่านอกจากเราจะนำมาใช้ในการสำรวจความเสียหายหลังจากที่เกิดเหตุไปแล้ว (post loss) เราน่าจะนำโดรนมาใช้ในงานบริการลูกค้าก่อนที่จะเกิดความเสียหาย (pre-loss หรือ loss prevention) ได้เช่นกัน

ซึ่งจริงๆ แล้วหลายๆ ประเทศมีการใช้โดรนในงานต่างๆ อยู่แล้ว แต่ในการนำโดรนมาใช้ลดความเสี่ยงการเกิดภัย (loss prevention) นี่เรายังไม่เจอที่ไหนมาก่อน เราคิดว่าจริงๆ มันสามารถนำมาใช้ได้ จึงได้มีการประชุมปรึกษากันก่อนนำมาใช้จริง เราอยากให้บริการของเรามีอะไรที่มากกว่าการสำรวจด้วยกล้องปกติ เราก็ทำการหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วพบว่ามีโดรนรุ่นที่มีฟังค์ชั่นถ่ายภาพความร้อนหรือเป็นกล้องเทอร์โมสแกน (Thermoscan) ซึ่งทำให้เราสามารถตรวจสอบจุดร้อนที่ไม่สามารถมองเห็นจากภาพถ่ายปกติได้อีกด้วย

1.webp

เราสามารถใช้โดรนสำรวจสภาพหลังคา ดูการผุกร่อน การขึ้นสนิม ซึ่งอาจทำให้น้ำรั่วซึมในอาคารและสร้างความเสียหายแก่เครื่องจักรหรือสินค้าที่อยู่ด้านล่าง หรือนำโดรนมาตรวจสอบอุปกรณ์งานระบบต่างๆ ที่ปกติคนไม่สามารถสำรวจได้สะดวก เช่น แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโรงงานที่มีพื้นที่กว้าง ที่ใช้เวลานานในการสำรวจจุดที่อยู่ห่างไกล การใช้โดรนก็จะช่วยลดเวลาและแรงงานตรงนี้ได้

2.webp

Q: มีความเสี่ยงในการนำโดรนขึ้นบินใกล้โรงงานหรือไม่ครับ?

A: จากที่ผ่านมาลูกค้าไม่มีความกังวลเรื่องความเสียหายตรงนี้ ลูกค้าจะมีความกังวลเรื่องข้อมูลสำคัญที่ไม่อยากให้เผยแพร่มากกว่า ซึ่งข้อมูลที่ทางเรามีนั้นจะเป็นข้อมูลภาพถ่ายจากโดรนที่เรานำมาใช้ในการตรวจสอบสภาพอาคารและระบบต่างๆให้กับลูกค้าเท่านั้น ลูกค้าจะไม่ได้มีความกังวลในเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น แต่จะเป็นทางทีมเรามากกว่าที่ห่วงเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มให้บริการนี้ เราจึงมีการฝึกซ้อมบินโดรนให้ชำนาญเพียงพอ และเรานำประสบการณ์ตรงนี้มาปรับใช้ เช่น กำหนดเส้นทางการบิน การเว้นระยะห่างจากอาคาร การดูทิศทางและความแรงลม เป็นต้น

 

Q: หมายความว่าก่อนที่จะนำโดรนบินสำรวจ เราต้องมีการลงพื้นที่สำรวจเพื่อวางแผนเส้นทางการบินใช่ไหมครับ?

A: ก่อนลงพื้นที่เราจะวางแผนการบินเบื้องต้นโดยดูข้อมูลจาก google map หรือ google earth ก่อน ว่าลูกค้ามีอาคารกี่อาคาร ตรงไหนบ้าง จากนั้นในวันที่ลงพื้นที่ เราก็จะปรึกษากับลูกค้าก่อนว่าอาคารไหน พื้นที่ไหนที่มีความสำคัญ หากเกิดความเสียหายแล้วส่งผลกระทบมาก นำมาวางแผนกำหนดพื้นที่ในการบินสำรวจร่วมกับข้อมูลที่เราเตรียมมาก่อน หากอาคารที่ไม่ค่อยสำคัญ เช่น อาคารเก็บของเสียรอกำจัด ก็จะไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ เป็นต้น

3.webp

Q: ยกตัวอย่างปัญหา ความเสี่ยง หรือภัยที่ไม่อาจตรวจพบ หากไม่ใช้บริการสำรวจภัยโดยใช้
โดรน (Drone Inspection Service)?

A: ปัญหาที่เราเจอส่วนใหญ่เลยคือจะเป็นสภาพหลังคาที่มีสนิม ผุกร่อน ที่ ณ ตอนนี้อาจจะยังไม่สร้างความเสียหายมาก แต่จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนซ่อมบำรุงในอนาคต เช่น ทำให้ลูกค้ารู้ว่าหลังคามีความเสียหายตรงไหนอย่างไร จะวางแผนซ่อมหรือเปลี่ยนหลังคาเมื่อไหร่ หรือเจอการอุดตันของรางระบายน้ำที่หลังคา หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้เกิดความเสียหายภัยเปียกน้ำภายในตัวอาคารได้

นอกจากนั้น อาจจะเจอปัญหาอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น ระบบป้องกันฟ้าผ่า โดยปกติแล้วสายล่อฟ้าจะเป็นสายทองแดง ซึ่งมีมูลค่าสูงและมักมีการขโมยเกิดขึ้น ถ้าพบว่าสายทองแดงถูกขโมยหายไป นั่นแสดงว่าระบบป้องกันฟ้าผ่าของอาคารใช้ไม่ได้ หากมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นก็จะเกิดความเสียหายให้กับอาคาร อาจเกิดเพลิงไหม้ตามมาได้อีกด้วย การสำรวจภัยโดยใช้โดรน (Drone Inspection) ก็จะช่วยตรวจสอบความเสี่ยงภัยเหล่านี้ได้สะดวกมากขึ้น

4.webp

Q: ลูกค้ามีผลตอบรับอย่างไรบ้าง?

A: ลูกค้ามีผลตอบรับที่ดีมาก เพราะลูกค้าไม่เคยได้รับบริการแบบนี้มาก่อน การบริการสำรวจภัยโดยใช้โดรน (Drone Inspection Service) ทำให้ลูกค้าทราบถึงปัญหาของบริเวณที่ไม่เคยมีการตรวจสอบก่อนหน้านี้ จึงให้ความสนใจกับสิ่งที่เจอและพร้อมจะนำข้อมูลไปใช้เพื่อวางแผนป้องกันความเสียหายต่อไป

 

Q: ถ้าลูกค้าต้องการใช้บริการ จะต้องทำอย่างไร?

A: ปกติทางแผนกการตลาดจะประชาสัมพันธ์ให้กับลูกค้าที่มีการจัดทำประกันภัยกับทางบริษัทฯรับทราบ ถ้าลูกค้าสนใจสามารถติดต่อแผนกการตลาดได้เลยครับ จากนั้นแผนกการตลาดก็จะติดต่อแผนกบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เพื่อวางแผนเข้าไปให้บริการกับลูกค้าต่อไป

 

Q: ในอนาคต ถ้าเรามีผลิตภัณฑ์ประกันบ้านและที่อยู่อาศัยกับลูกค้ารายบุคคล ซมโปะจะให้บริการนี้กับลูกค้ารายบุคคลด้วยไหม?

A: ถ้าเป็นลูกค้าของซมโปะเราก็ยินดีให้บริการอยู่แล้ว เพราะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงภัยต่างๆ ที่จะเกิดความเสียหายให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้ามีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายน้อยลง มีการเคลมที่น้อยลง ซมโปะก็ได้ประโยชน์ตรงนี้ด้วย เป็นผลดีต่อทั้งลูกค้าและเราครับ

5.webp